พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2552
ลิเวอร์พูล 2-0 แมนฯยูฯ
ประตู : 1-0 ตอร์เรส น.65,2-0 เอ็นก็อก น.90+6
ก่อนเกมอัฒจันทร์ฝั่งเดอะค็อปแฟนบอลเจ้าถิ่นโยบอลชายหาดลงมาในสนามนับ สิบลูกจนเจ้าหน้าที่ต้องเดินเก็บกันหน้ามึนเลยทีเดียวจากนั้นเดอะค็อปโชว์ พลังเสียงร้องเพลงยู วิว เนฟเวอร์ วอล์ก อโลนก่อนจับภาพมาที่ราฟาเอล เบนิเตซที่คลอเพลงตามกันเลยทีเดียว
ลิเวอร์พูลไม่มีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดที่ไม่ผ่านความฟิตและสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังนั่งดูเกมบนอัฒจันทร์ แต่ยังดีได้เฟร์นานโด ตอร์เรสกลับมาทันเวลาแต่เอ๊ะซามี่ ฮูเปียมานั่งฟันห่างอยู่ใกล้ๆ"หัวขิง"ด้วย
ส่วนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เวย์น รูนีย์กลับมายืนคู่หอกกับดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟทำให้ไมเคิ่ล โอเว่นเป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น
ครึ่งแรก
เกมคู่นี้เหมือนทุกๆครั้งที่เจอกันคือถ้าสกอร์ยัง 0-0 การเล่นจะรัดกุมไม่มีใครกล้าผลีผลามและเน้นคุมเชิงแดนกลางไม่ให้ฝ่ายตรงข้าม ทำเกมง่ายๆรวมทั้งแนวรับจะสาดขึ้นมาทันทีหากถูกกดดัน
ออเรลิโอปั่นเกือบหาย
นาที 16 ลิเวอร์พูลเกือบขึ้นนำจากการฉายหนังม้วนเดิมลูกฟรีคิก 20 หลาของออเรลิโอที่เคยยิงได้แบบนี้ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดและคราวนี้มามุมเดิมแต่
หมามุ่ยพลาดแต่เคาท์พลาดกว่า
อีก 2 นาทีต่อมา"หงส์แดง"พลาดโอกาสทองอีกหลังสโคลส์ม้วนบอลตรงกลางสนามแล้วเจอลู คัสบีบแย่งก่อนติดเครื่องกระชากมาถึงหน้าเขตโทษแล้วไหลเข้าข้างในให้เคาท์ แต่หอกไตรกีฬาดันจับบอลก๋องแก๋งทำให้ต้องเร่งยิงจังหวะเดียวกับที่วิ ดิชสไลด์เข้ามาบอลเลยบดออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย
ผีโอกาสครั้งแรกได้เสียว
นาที 21 ยูไนเต็ดมีโอกาสบ้างจากจังหวะที่วาเลนเซียกระชากหนีอินซัวตรงริมกรอบโทษก่อน เปิดเข้าในให้รูนีย์ขวิดแต่บอลไม่แรงมากทำให้เรน่าล้มตัวรับเข้ามือพอดี
เกมผีแดงเริ่มดีกว่า
เกมช่วงคนรึ่งชั่วโมงกลายเป็น"ปีศาจแดง"ที่ได้ครองบอลเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเกมรุกของลิเวอร์พูลเริ่มหายโดยเฉพาะตอร์เรสที่แทบไม่ได้บอลเลยส่วนมาก จะหันหลังรับบอลแล้วเจอวิดิชเข้าใส่จนกระดิกไม่ออกกันเลยทีเดียว
ออเรลิโอโขกจ่อๆเกือบหาย
ก่อนหมดเวลา 9 นาทีออเลริโอสาดยาวจากกลางสนามให้เบนายูนวิ่งควบไปเอาถึงเส้นหลังแล้ววนหนี เอวร่าก่อนหยอดบอลมาที่จุดนัดพบ 6 หลาให้ออเรลิโอคนที่เปิดครั้งแรกโถมมาโขกเน้นๆที่เสาสองแต่ฟาน เดอร์ ซาร์อ่านทางออกวิ่งมาล้มตัวรับเข้ามือบนเส้นพอดี
เกมยังสูสี
ลิเวอร์พูลทีมเวิร์คยังมีปัญหาเพราะความเข้าใจยังไม่ค่อยดีส่วน"ปีศาจ แดง"ประสานงานทำชิ่งจังหวะเดียวได้ไหลลื่นกว่าเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ค่อยมี ประสิทธิภาพเนื่องจากแข้งเจ้าถิ่นขยันเข้าเร็วซ้อนกันดีมาก
ครึ่งหลัง
เคาท์เลอะเทอะหงส์ชวดโอกาส
เล่นมา 5 นาทีเอวร่าสกัดบอลลูกโด่งด้วยขาไม่ดีกลายเป็นส่งให้ตอร์เรสหน้ากรอบโทษเฉยจน เอล นินโญ่ฝากให้เบนายูนที่หลอกจะยิงไกลแต่แซะเข้าเขตโทษให้เคาท์ที่ดันไม่ยอม ยิงแต่เลือกตบเข้ากลางคราวนี้เบนายูนเจอรุมกินโต๊ะก่อนกระดกจะตีลังกายิงเลย ถูกจับฟาว์ลยกขาสูง
ผีเริ่มชวนทะเลาะ
ตอนนี้เกมของลิเวอร์พูลจะบอกว่าดีก็ไม่ดีเพราะเกมติดๆขัดๆและออกแนวสเปะสปะ ไร้ความเนียนทำให้บอลเสียเร็วจนตอนนี้บรรดาตัวรับทำงานกันหนักเลยทีเดียว เพราะยูไนเต็ดขึ้นมาแต่ละทีมค่อนข้างดุ
โกลลลลลลลลลลล์!! ตอร์เรสกระหน่ำ 1-0
อย่างไรก็ตามนาที 65 ประตูแรกของเกมเกิดขึ้นและเป็นฝั่ง"หงส์แดง"จากจังหวะที่เหมือนไม่มีอะไร เมื่อเบนายูนเก็บบอลในแดนตัวเองแล้วฝากให้เคาท์ที่พาเลยกลางสนามขึ้นมา ก่อนขาอ่อนส่งต่อให้เบนายูนที่เหลือบมองนิดนึงก่อนแทงไหลทะลุช่องให้ตอร์เส เบียดบังบอลเข้าเขตโทษกับริโอแล้วตัดสินยิงเต็มข้อบอลพุ่งแสกหน้าฟาน เดอร์ ซาร์ที่ย่อขายกมือแบบไม่รู้ตะเซฟยังไง สวยงามมากและเป็นลูกที่ 9 ของ"เอล นินโญ่"ในซีซั่นนี้แล้ว
ลูคัสเกือบดัง
นาที 72 ยูไนเต็ดเกือบต้องล้างซวยเมื่อลูกเตะมุมบอลมาหล่นใส่วิดิชกลายเป็นตั้งให้ลู คัสส่องในกรอบแต่บอลโด่งข้ามคานออกไปเอง เกือบตอบแทนคุณพ่อหลังทรพีมาหลายปี
โอเว่นถูกโห่ตามคาด
อีก 2 นาทีเดอะค็อปพร้อมใจกันโห่ใส่ไมเคิ่ล โอเว่นหลังถูกส่งลงมาแทนเบอร์บาตอฟว่าเป็นจูดาสหรือพวกทรยศ
นานี่ทำเสียวตีเสมอ
นาที 76 ผีแดงน่าจะตีเสมอได้หลังวาเลนเซียเปิดบอลเข้าเขตโทษบอลเลยกองหลังรวมทั้งลู คัสที่เข้าไม่ถึงเป็นนานี่จับบอลแล้วส่องยิงด้วยอีซ้ายแต่เรน่าอ่านทางรับ เอาไว้ได้สบาย
หงส์ช็อก วาเลนเซียกดชนคาน
ช่วงท้ายเกมเจ้าถิ่นหันมาตั้งรับเพราะตอร์เรสถูกถอดออกไปแล้วทำให้ตอนนี้ "ปีศาจแดง"ได้ครองบอลอยู่ข้างเดียวส่วนลิเวอร์พูลรอสวนกลับแต่บอลเสียเร็ว เพราะเอนก็อกยังห่างเชิงนักและนาที 84 ยูไนเต็ดเกือบตีเสมอหลังโอเว่นได้บอลในเขตโทษตรงระยะ 7-8 หลาแล้วบังบอลก่อนป้ายออกไปมุมแคบเบาๆให้วาเลนเซียส่องแบบคนเก็บกดเต็มๆบอล แสกหน้าเรน่าขนคานกระเด้งออกข้างไป เดอะค็อปเงียบเป็นเป่าสากกันเลยทีเดียว
เอ๋อโชคดีไม่เจอใบแดง
ก่อนหมดเวลา 3 นาทีลิเวอร์พูลโชคดีโคตรๆหลังคาร์ราเกอร์ไปดึงเสื้อแล้วรั้งโอเว่นที่วิ่ง สอดตัดหลังรับลูกทะลุหน้าเขตโทษแต่อังเดร มาร์ริเนอร์ดันให้แค่ใบเหลืองจนเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันออกมาด่าขรมเลยทีเดียว
วิดิชไม่อดโดนไล่
นาทีสุดท้ายเนมันย่า วิดิชเอาอีกแล้วเมื่อเจตนาทำฟาว์ลพุ่งชนเดิร์ก เคาท์ที่วิ่งทะลุจากตรงกลางสนามหลังออเรลิโอเปิดยาวจังหวะสวนกลับทำให้เจอ เหลืองที่สองไล่ออกทันที และทำสถิติถูกไล่ออกในการเจอกับ"หงส์แดง" 3 นัดติดเลยทีเดียว
มาสช์แดงทดเจ็บ
ทดเจ็บนาทีที่ 4 มาสเคราโน่โชว์โง่อีกหลังไปสไลด์ช้าใส่ฟาน เดอร์ ซาร์ที่ออกมาเคลียร์ทำให้เจอเหลืองที่สองไล่ออกตายตกตามกันไปและจะต้องติด โทษแบนในขณะที่แดนกลางยังมีปัญฆาอยู่แบบนี้
เอ็นก็อกตอกฝาโลง
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 5 นานี่ได้โอกาสหน้าประตูแต่ดันช้าเลยถูกรุมสกรัมจากนั้นเจอโต้กลับเป็นเคาท์ ได้บอลตรงกลางสนามแล้วแตะต่อให้ลูคัสทะลุหลุดเดี่ยวขึ้นมาก่อนแทงไหลให้เอ็น ก็อกหลุดไปล่อเป้ากับฟาน เดอร์ ซาร์ก่อนแปสวนทางนิ่มๆเข้าไปเป็นประตูชัยให้"หงส์แดง"เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล อย่างสะใจพร้อมปลดล็อกสถิติเลวร้ายแพ้ 4 นัดรวดลงจนได้และขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 5
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า,เกล็น จอห์นสัน,เจมี่ คาร์ราเกอร์
แมนฯยูฯ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,จอห์น โอเช,ริโอ เฟอร์ดินานด์,เนมันย่า วิดิช