วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มอยส์โคตรเซ็งหงส์ไม่มีอะไรเลย



เดวิด มอยส์กุนซือหน้าอีทีเดินหน้ามึนบอกไม่คิดว่าเอฟเวอร์ตันจะเป็นผู้แพ้ในวันนี้เพราะลิเวอร์พูลแทบไม่มีความอันตรายอะไรเลย

"ท๊อฟฟี่"เป็นฝ่ายยำใหญ่ใส่คู่อริร่วมเมืองมากกว่าอย่างชัดเจนและบังเอิญที่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ยิงประตูขึ้นนำแบบเฮงๆจนทำให้รูปเกมเปลี่ยนแถมยังเจอทีเด็ดเซฟอุ ตลุตของโฆเซ่ เรน่าอีกด้วย

"ผมไม่รู้สึกเลยว่าเราเดินออกจากสนามในฐานะผู้แพ้ นักเตะทุ่มเทกันสายตัวแทบขาดและพวกเขารู้สึกว่าสมควรได้อะไรมากกว่าหลังจบเกม"

"ลูกแฉลบทำเอาเราหน้ามึนไปเลย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนได้ประตูลูดนี้ลิเวอร์พูลมาอยู่ในแดนเรากี่ครั้งแต่มันไม่กี่ครั้งแน่นอน"

"แต่ผมคิดว่านักเตะตอบรับกับการเสียประตูได้ดีเลยนะ พวกเขายังตั้งหน้าตั้งตาบุกและผมคิดว่าสิ่งสำคัญเลยคือเราทำให้ลิเวอร์พู ลไม่มีอะไรเลย"

"เกมค่อนข้างสูสีคู่คี่และเราเป็นฝ่ายเข้าทำและสร้างความยากลำบากให้พวกเขา"

"มันน่าผิดหวังที่คุณไม่ได้อะไรเลยจากสิ่งที่ลงแรงไป"

"ผมคิดว่าการเซฟสองครั้งของเรน่าชี้เป็นชี้ตายเลยนะ ผมรู้สึกว่าในครึ่งหลังโชคน่าจะเข้าข้างเราบ้างและเราก็น่าจะทวงประตูคืนได้ แต่บาทีการเซฟสองหนติดเปลี่ยนเกมกันเลยทีเดียว"

"แต่จนกระทั่งเรามาโดน 2-0 ผมจะไม่ได้แล้วว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสอะไรอีกนอกจากลูกโหม่งของเอมิเลียโน่ อินซัว"

"แต่ในเกมใหญ่ๆคุณย่อมหวังว่าคุณจะไม่เจอสถานการณ์อะไรเช่นนี้ที่ๆเกิด ความผิดพลาดขึ้นเพราะมันก็ยากเพียงพอแล้วกับการทำประตูที่ไม่ต้องทำอะไรจน ขึ้นำ"

_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

ราฟาจงเจริญ!หงส์สู้ตายบุกฆ่าท๊อฟฟี่ 2-0

ราฟาจงเจริญ!หงส์สู้ตายบุกฆ่าท๊อฟฟี่ 2-0

"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลเอาตัวรอดครั้งใหญ่หลังรวมพลังบุกมาเอาชนะเอฟเวอร์ตันใน ซึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้แมทช์ถึงกูดิสัน พาร์ค 2-0 จาก Og. ของโยโบ้และประตูท้ายเกมของเดิร์ก เคาท์ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการแก้เกมของราฟาเอล เบนิเตซทำให้ขยับจาก 7 มาอยู่ที่ 5 มี 23 แต้มจาก 14 นัด

พรีเมียร์ลีก

อาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552


เอฟเวอร์ตัน 0-2 ลิเวอร์พูล

ประตู : 0-1 โยโบ้ น.12 (ทำเข้าประตูตัวเอง),0-2 เคาท์ น.80


ศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์นัดที่ 212 ทางฝั่งลิเวอร์พูลไม่มีเฟร์นานโด ตอร์เรสที่ไม่ผ่านความฟิตดังนั้นดาวิด เอ็นก็อกจึงยืนหน้าเป้าต่ออีกนัดส่วนอัลแบร์โต้ อาควิลานี่มีชื่อที่ม้านั่งสำรองเช่นเดิม

ด้านเดวิด มอยส์ต้องการพลิกสถานการณ์ของทีมหลังกลางสัปดาห์แพ้ฮัลล์มา 3-2 และผลงาน 7 นัดหลังชนะแค่นัดเดียวจนร่วงไปอยู่อันดับ 16 เหนือโซนอัตรายแค่ 3 แต้มเท่านั้นเอง

ครึ่งแรก
คู่นี้เป็นไปตามคาดที่เข้าบอลกันเร็วและหนักโดยแม้ทั้งคู่จะดูเชิงไม่ ผลีผลามแต่เหมือนเอฟเวอร์ตันจะมาเป็นเนื้อเป็นหนังได้ลุ้นบ้างนิดหน่อยแต่ โดยรวมแล้วเกมของลิเวอร์พูลยังตั้งกันไม่ติดเท่าไหร่

หงส์เฮงนำแล้ว 1-0
แต่แล้วอยู่ดีๆ"หงส์แดง"มาขึ้นนำหน้าตาเฉยในนาทีที่ 12 จากการประสานงานของ"อาร์เจนไตน์"เมื่ออินซัวป้ายบอลจากหน้าเขตโทษย้อนกลับมา ให้มาสเคราโน่วิ่งมาซัดไกบ 30 หลาบอลแฉลบโยโบเปลี่ยนทางบอลตุงตาข่ายทำให้ฮาวเวิร์ดหงายเงิบกันไป

หงส์สวนได้ลุ้น
นาที 16 ทีมเยือนที่รอสวนก็ได้ลุ้นอีกจากจังหวะสาดยาวขึ้นมาหน้าเขตโทษเป็นเอ็นก็อก พิงบอลแย่งกันโหม่งกับดิสแต็งตรงระยะ 30 หลาก่อนบอลแฉลบล้นไปด้านหน้าแล้วเจอร์ราร์ดวิ่งมาเก็บตกก่อนยิงเร็วบนเส้น เขตโทษหลังเห็นตัวประกบเข้าบีบบอลพ่งข้ามคานได้เสียว

สตาร์หมีขาวยิงจ่อๆไม่เข้า
อีกไม่ถึงนาทีเอฟเวอร์ตันน่าจะตีเสมอได้จากลูกทุ่มไกลทางปีกขวาเป็น เฟลไลนี่โขกเช็ดแล้วโชมาเช็ดต่ออีกทีบอลหล่นมาที่บิลยาเลตดินอฟได้ตวัดยิง เหน่งๆ 6 หลาแต่โดนไม่เต็มบอลหลุดข้างเสาชนิดช็อกกันทั้งสนาม

หงส์รอดตายอีก
นาที 23 ลิเวอร์พูลเกือบพังอีกจากลูกบอมบ์เปิดจากริมเส้นแล้วเคลียร์กันไม่ดีก่อนมา เข้าทางบิลยาเลตดินอฟวอลเลย์ไปแฉลบโชตรงระยะเผาขนร้อนถึงเรน่าต้องล้มตัวปัด ก่อนที่ GJ จะมาเคลียร์ทิ้งออกหลัง

ทีมเยือนเสียวต่อเนื่อง
อีก 4 นาทีต่อมาเอฟเวอร์ตันน่าจะตีเสมอได้อีกหลังลูกวางยาวจากกลางสนามเป็นเฟลไล นี่โขกเช็ดให้โชวิ่งมาตวัดยิงเผาขนแต่ดันสุดปลายขาเรน่าเลยเซฟหวุดหวิด

ท๊อฟฟี่ลุยแหลก
เกมของเจ้าถิ่นเริ่มเหนือกว่าเรื่อยๆเพราะเก็บบอลอยู่ข้างเดียวและลิเวอร์พูลหันมาเน้นรับเพื่อรักษาสกอร์ขึ้นนำเอาไว้ให้ได้

อินซัวโขกเกือบหาย
ก่อนหมดครึ่งแรกเวลา 4 นาที"หงส์แดง"น่าจะได้ลูกสองสุดๆหลังเกล็น จอห์นสันเติมเกมรุกขึ้นมาแล้วสับขาหลอกก่อนเปิดจากริมกรอบโทษเป็นอินซัวโถม โขกเอาชนะฮิบเบิร์ตเน้นๆแค่ 4 หลาแต่ฮาวเวิร์ดทะยานปัดมือเดียวบนเส้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ท๊อฟฟี่เฮเก้อ
นาทีสุดท้ายเอฟเวอร์ตันเสียดายหลังลูกเตะมุมเฟลไลนี่โขกบอลไปตกที่โช ซึ่งยืนประชิดคู่กับเรน่าแล้วยิงเผาขนเข้าไปแต่ไลน์แมนยกธงว่าล้ำหน้า ช็อตนี้ลิเวอร์พูลโชคดีเพราะถ้าเกิดมีใครยืนคุมเสาโชจะไม่ล้ำหน้าแน่นอน

ครึ่งหลัง
เอฟเวอร์ตันลงมาในครึ่งหลังนี่เจาะด้วยลูกบอมบ์โยนใส่ในเขตโทษอย่างเดียว เพราะมีเฟลไลนี่ที่สูงใหญ๋และเคฮิลล์ที่เล่นลูกหัวได้ดีเอามากๆ งานนี้เลยกลายเป็นวันเวย์ที่"หงส์แดง"รอสวนกลับอย่างเดียว

เรน่าทำเสียววาบ
นาที 58 เดอะค็อปหัวใจเกือบหล่นไปอยู่ตาตุ่มหลังพีนาร์ได้ส้มเหล่นยิงไกลนอกเขตโทษตรงตัวเรน่าที่ตบบอลลงพื้นก่อนรับเข้ามือแต่บอลไปโดนเท้าลอดขาเกือบเข้าประตูตัวเองนี่ถ้าล่กๆหน่อยขยับเท้าหลังดีดบอลนี่มีฮาแน่

เคาท์ขยันเกือบทำเฮ
นาที 67 เคาท์โชว์ขยันวิ่งไปบล็อกลูกเคลียร์ของเบนส์ตรงริมเส้นแล้วบอลไม่ออกทำให้ แข้งไตรกีฬากระชากเลาะเส้นหลังแล้วผ่านบอลให้เอ็นก็อกเข้าฮอร์ตยิงที่เสาแรก ตรงระยะ 6 หลาแต่ติดบล็อกโยโบ้ที่ทิ้งตัวขวางพอดี

หงส์ดวงดีรอดตายเหลือเชื่อ
อีก 4 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลเหลือเชื่อมากที่ไม่เสียประตูหลังฟรีคิกไกลของไฮติงก้า สาดยาวเข้าเขตโทษเป็นเคฮิลล์โขกตอปิโดเน้นๆแต่เรน่าพุ่งปัดบนเส้นแล้วจังหวะ ซ้ำของเฟลไลนี่เป็นเรน่าที่ปรี่มาบล็อกเผาขนอีก ไม่เข้าได้ไง!!!

หงส์โป้ง 2-0
ก่อนหมดเวลา 10 นาทีราฟาที่ทำเยี่ยมส่งทั้งเบนายูนกับริเอร่าลงมาจนได้ผลนำ 2-0 จากลูกสาดยาวจากแดนตัวเองของเรน่าเป็นเคาท์โขกลงพื้นในกรอบแล้วโยโบ้เคลียร์ แป๊กทำให้เจอร์ราร์ดวิ่งเบียดมากับฮิบเบิร์ตก่อนแหย่คืนหลังให้ริเอร่าที่ โดนบอลครั้งแรกวิ่งมากดยิงเต็มๆอีกซ้ายเป็นฮาวเวิร์ลดล้มปัดบอลมาเข้าทาง เคาท์ที่ซ้ำ 6 หลาเข้าไปง่ายๆ

เบนายูนป่วนริเอร่าเกือบมีสกอร์
ท้ายเกมเบนายูนที่ราฟาส่งลงมาทำให้เกมสวนกลับของ"หงส์แดง"ดีขึ้นลากขึ้น มาหน้าเขตโทษแล้วจ่ายออกซ้ายให้ริเอร่าได้ซัดบอลตรงตัวฮาวเวิร์ดแต่ด้วยความ แรงทำให้ต้องล้มตัวใช้ขาเซฟออกหลังไป

ลูกเดียวลิเวอร์พูลยังยันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นนี่ 2 ทำให้ทุกอย่างจบเลยก่อนที่จะจบลงด้วยสกอร์นี้และเป็นชัยชนะที่กูดิสัน พาร์ค 3 ปีติดต่อกันและทำให้ราฟาถึงกับหลุดโล่งเพราะทีมชนะครั้งแรกในรอบ 4 นัดขยับจากอันดับ 7 มาอยู่ที่ 5 มี 23 แต้มเท่าแอสตัน วิลล่าแต่ประตูได้เสียดีกว่าส่วนเอฟเวอร์ตันยังน่าเป็นห่วงอยู่อันดับ 16 และชนะนัดเดียวจากการลงสนาม 8 นัดหลังสุดและถือเป็นการพ่ายแพ้ในบ้านนัดแรกนับตั้งแต่เปิดสนามเสียท่าให้ อาร์เซนอลแบบขายขี้หน้า 6-1 อีกด้วย

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เอฟเวอร์ตัน :
ทิม ฮาวเวิร์ด 7,โทนี่ ฮิบเบิร์ต 5,โจเซป โยโบ้ 6(นีล น.86),ซิลแวง ดิสแต็ง 6,เลจตัน เบนส์ 6,สตีเฟ่น พีนาร์ 7,จอห์นนี่ ไฮติงก้า 5,มานูเน่ เฟลไลนี่ 5,ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ 5,ทิม เคฮิลล์ 6,โช 5(ซาฮา น.66,5)

ลิเวอร์พูล: โฆเซ๋ เรน่า 7,เกล็น จอห์นสัน 7,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7,ดาเนี่ยล แอกเกอร์ 6,เอมิเลียโน่ อินซัว 7,ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 8 *,ลูคัส เลว่า 7,เดิร์ก เคาท์ 7,สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 5,ฟาบิโอ ออเรลิโอ 5(ริเอร่า น.78,6),ดาวิด เอ็นก็อก 6(เบนายุน น.75,6)














































_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####

ศพที่ 3!เชลซีโคตรดุบุกถล่มปืน 3-0

ศพที่ 3!เชลซีโคตรดุบุกถล่มปืน 3-0

ใครเล่าจะหยุดเชลซีได้ในตอนนี้หลังใช้ความเด็ดขาดของสองประตูจากดิดิเย่ร์ ดร็อกบาและการทำเข้าประตูตัวเองของโธมัส แฟร์มาเล่นเอาชนะอาร์เซน่อลขาดลอย 3-0 ทำคะแนนทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็น 5 คะแนนเท่าเดิมและทำสถิติชนะบิ๊กโฟร์ในเลกแรก 100 % เต็ม

พรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2552


อาร์เซน่อล 0-3 เชลซี

ประตู : 0-1 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.42 , 0-2 โธมัส แฟร์มาเล่น(ทำเข้าประตูตัวเอง) น.45 , 0-3 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.86


กัลลาสลงไหว-แลมพ์คืนทัพ
ข่าวดีของ "ปืนโต" เจ้าบ้านคือพวกเขาได้วิลเลี่ยม กัลลาส เซ็นเตอร์ตัวเก๋าเลือดเฟร้นช์ที่หายจากอาการตาบวม ส่วนเชลซีทีมเยือนได้แฟร้งค์ แลมพาร์ดคืนทัพตามคาดหลังไปรับการนวดรกม้าที่เซอร์เบียจนหายขาด

ครึ่งแรก

ช่วง 7 นาทีแรกอาร์เซน่อลใช้บอลเร็วกับความคล่องตัวของเอดูอาร์โด้กดดันเชลซีได้ อย่างน่ากลัวแต่สุดท้ายยังไม่มีจังหวะจบสกอร์ที่น่าหวาดเสียว

ต้องชมแข้งยังกันส์ที่วันนี้ต่อบอลกันได้ไหลลื่นโดยเฉพาะเกมทั้งซ้าย ซึ่งอาร์ชาวินและตราโอเร่ปั่นป่วนได้มากพอสมควร โดยเฉพาะแบ็กดาวรุ่งที่กล้าเล่นกล้าหลอกกองหลังเชลซีอย่างไม่กริ่งเกรง

10 นาทีผ่านเกมยังเป็นของอาร์เซน่อลอย่างชัดเจนแต่ก็ยังหาจังหวะสับไกไม่ได้เลย

นิโก้ได้หลุดเกือบเป็นเรื่อง
"สิงห์ไฮโซ" ที่แทบไม่ได้ครองบอลกลับเป็นฝ่ายได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 18 เมื่อแลมพาร์ดจ่ายคิลเลอร์พาสของชอบจะให้กับดร็อกบาซึ่งวิ่งตามไปไม่ทัน แต่กลายเป็นดีเมื่อทำให้ซานญ่าหยุดชะงักและไม่ทันตามอเนลก้าซึ่งวิ่งแลบมา ทางซ้ายจากด้านหลัง ซึ่งสุดท้ายนิโก้โดนซานญ่าตาลีตาเหลือกตามเข้ามาโอบเอวทำให้ยิงไม่ถนัด ก่อนที่กองหลังอาร์เซน่อลจะเคลียร์ทิ้งไปเข้าทางแลมพาร์ดที่เอี้ยวตัวฮาล์ ฟวอลเลย์แต่บอลหลุดกรอบออกไป

นาทีที่ 23 เชลซีมีลุ้นอีกรอบเมื่อแลมพาร์ดโยนเตะมุมเข้ามา โดนโขกสกัดทิ้งแล้วบอลย้อนมาหามิเกลนอกกรอบเขตโทษ ก่อนที่มิดฟิลด์ไนจีเรียนจะเปิดบอลเข้ามาให้ดร็อกบาได้โขกกดลงพื้นในเขตโทษ แต่บอลไม่มีน้ำหนักเข้ามืออัลมูเนีย

นาทีถัดมานาสรี่ทำได้ดีเมื่อล็อกบอลจากกราบขวาตัดเข้าในแต่ยิงเรียดและเบาไปเข้ามือปีเตอร์ เช็ก

ปืนไฮโซ!กะขว้างมือถือลงสนามใส่แลมพ์
สงสัยเงินเหลือใช้เมื่อนาทีที่ 22 มีแฟนอาร์เซน่อลรายหนึ่งขว้างโทรศัพท์มือถือกะให้โดนแฟร้งค์ แลมพาร์ด .. ไม่อยากได้ก็ไม่บอกมีคนอื่นเค้าอยากได้ตั้งเยอะ ฮา

ผ่านมา 25 นาทีตอนนี้เชลซีกลายเป็นฝ่ายครองเกมได้หมดแล้วแต่ "ปืนโต" ยังอาศัยเกมโต้กลับเร็วและเทคนิคของอาร์ชาวินคอยเล่นงานแต่ก็ยังหาจังหวะจบ ไม่ได้

ดร็อกโขกข้ามคานอีกรอบ
เกมยังคงชิงเหลี่ยมกันตรงแดนกลางจนกระทั่งนาทีที่ 38 เชลซีมีจังหวะจบเมื่อแลมพาร์ดจ่ายทะลุให้โจ โคลหลุดเข้าไปริมกรอบเขตโทษ แต่โดนกดดันอยู่เลยทำได้แค่เลี้ยงย้อนกลับมาก่อนโยนเข้าเขตโทษให้ดร็อกบาโขก แต่ข้ามคานออกไป

ดูดู้ช้าไปนิดเดียว
นาที่ที่ 39เจ้าบ้านมีจังหวะเสียวที่สุดในเกมเมื่อเดนิลสันจ่ายคิลเลอร์พาสทะลุกอง หลังให้เอดูอาร์โด้หลุดเข้าไปได้แต่เช็กออกมาตัดบอลก่อนเพียงเสี้ยววินาที เดียวเท่านั้น

เชลซีบุกเด็ดขาดนำแล้ว 1-0
จังหวะเข้าทำของเชลซียังดุดันเหมือนเดิม นาทีที่ 42 เทอร์รี่ขึ้นสูงมาทำเกมก่อนจ่ายทะลุช่องให้โคลสปีดหนีอาร์ชาวินเข้าเขตโทษ ก่อนเปิดบอลระดับเข่าให้ดร็อกบาโฉบหนีกัลลาสแล้วดีดบอลชนคานด้านในเข้าประตู อย่างเด็ดขาด จ่าฝูงเอาจนได้ 1-0

ไปกันใหญ่!แวะมาเล่น og. 0-2
งานของเหล่ายังกันส์สาหัสขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเสียประตูที่สองจนได้หลัง แอชลี่ย์ โคลเจ้าเก่ารับบอลคืนจากอเนลก้าก่อนเปิดเรียดเข้าเขตโทษ ซึ่งมีเพียงดร็อกบาที่สอดตัวอยู่ระหว่างกัลลาสกับแฟร์มาเล่นสองกองหลังเท่า นั้น ทีนี้กัลลาสล้มตัวจะเคลียร์จังหวะแรกไม่โดนแต่แฟร์มาเล่นกลับตัดสินใจเสี้ยว วินาทีแหย่ขาทำให้บอลเปลี่ยนทางเสียบสามเหลี่ยมเข้าประตูไปซะงั้น งานเข้าแล้วปืนโต(และปีศาจแดงที่แอบลุ้นอยู่ห่างๆด้วย)

ช่วงทดเวลาอาร์เซน่อลพยายามดันขึ้นไปบุกจะเอาคืนแต่เกือบโดนอีกลูกเมื่อ อเนลก้าโซโล่เดี่ยวจากแดนตัวเองก่อนแตะเข้าขวาแล้วซัดแต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป นิดเดียว

จบครึ่งแรกเชลซีบุกมานำห่างสบายตัว 2-0

ครึ่งหลัง

ปืนโคตรน่าเสียดายตีไข่แตกไม่ได้
นาทีที่ 49 อาร์เซน่อลน่าตีไข่แตกได้อย่างสุดๆ เมื่อเอดูอาร์โด้ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษก่อนที่เช็กจะออกมาบล็อก บอลเข้าทางอาร์ชาวินแต่ดันเงอะงะยิงช้ากองหลังเชลซีเลยบล็อกได้ สุดท้ายบอลขลุกขลิกไปเข้ามือเช็ก แต่เอดูอาร์โด้ก็ไม่ยอมแพ้ไปปั๊มบอลออกมาจากมือ ซึ่งฟาว์ลเพราะแม้บอลจะตกใส่อาร์ชาวินและยิงเผาขนเข้าแต่ก็ไม่ได้ประตูเพราะ เสียงนกหวัดดังไปแล้ว

"ปืนโต" ยังกดดันใส่ต่อเนื่องจนนาทีที่ 56 เอดูอาร์โด้ได้หลุดเข้าเขตโทษอีกแต่คราวนี้เทอร์รี่ล้มตัวสกัดโดนบอลได้สวย ก่อนที่ "ดูดู้" จะถูกถอดออกให้เบล่าลงแทนทันที

นาทีที่ 61 อาร์เซน่อลได้ลุ้นเมื่อแลมพาร์ดทำฟาว์ลวัลค็อตต์ ก่อนที่นาสรี่รับหน้าที่โยนฟรีคิกให้ฟาเบรกาสได้โขกแต่บอลเบาตรงตัวเช็ก

ลูกแฉลบทำพิษเชลซีเกือบได้ลูกสาม
นาทีที่ 65 เชลซีเกือบนำห่างเป็น 3-0 เมื่อดร็อกบาได้บอลริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนปั่นโค้งกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามา บอลแฉลบโดนกัลลาสก่อนเด้งมาโดนหน้าอกของแลมพาร์ดบอลจะเข้าอยู่แล้วแต่อัลมู เนียล้มตัวปัดทิ้งได้อย่างน่าชื่นชม

เบล่าโวยใหญ่ปืนไม่ได้โทษ
นาทีที่ 71 อาร์เซน่อลเกือบได้จุดโทษเมื่อเบล่าพิงบอลอยู่กับเทอร์รี่ก่อนพลิกหลบแล้วล้มกองลงไปแต่กรรมการเฉย

ใครเป็นแฟนอาร์เซน่อลตอนนี้อึดอัดมากๆเพราะได้โอกาสจะจบสกอร์หลายทีแล้ว แต่ดันจะเน้นเกินไปส่งไปส่งมาไม่ยอมยิงเชลซีเลยสกัดได้ทันก่อนทุกครั้ง

ดร็อกซัดโคตรสวยปิดเกม! 3-0 เชลซี
นาทีที่ 86 ทุกอย่างจบลงอย่างเป็นทางการเมื่อฟาเบรกาสทำฟาว์ลเอสเซียงในระยะอันตราย ก่อนที่ดร็อกบาจะวิ่งเข้าสังหารฟรีคิกบอลพุ่งเป็นจรวดเสียบเสาสองอย่างหมดจด เชลซีนำห่างแล้ว 3-0

ซานญ่ายิงข้ามคาน
จะตีไข่แตกซักลูกยังไม่ได้เลยเมื่อนาทีที่ 89 ตราโอเร่ได้บอลมาทางซ้ายก่อนปาดบอลย้อนไปหน้ากรอบเขตโทษหวังให้แถวสองยิงแต่ ไม่มี บอลเลยไหลไปเข้าทางซานญ่าที่วิ่งเข้ายิงแต่บอลหลุดกรอบไม่มีทิศทาง

ช่วงเวลาที่เหลืออาร์เซน่อลครองบอลบุกแต่ทำอะไรไม่ได้จบเกมเชลซีเอาชนะ 3-0 มีเพิ่มเป็น 36 คะแนนทิ้งห่างแมนฯยูไนเต็ดเป็น 5 แต้มเท่าเดิม ส่วนอาร์เซน่อลหยุดอยู่ที่ 25 คะแนนจาก 13 นัดอยู่อันดับที่ 4 และตามหลังเชลซีถึง 11 แต้มแล้ว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย 5, บาคารี่ ซานญ่า 6, วิลเลี่ยม กัลลาส 6.5, โธมัส แฟร์มาเล่น 5.5 (OG) , อาร์กมองต์ ตราโอเร่ 6 , เดนิลสัน 5, อเล็กซ์ ซง 6.5(ธีโอ วัลค็อตต์ น.45,6) , เชสก์ ฟาเบรกาส 6 , ซามีร์ นาสรี่ 6(โทมัส โรซิคกี้ น.67,6.5) , อังเดร อาร์ชาวิน 6.5, เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา 5(คาร์ลอส เบล่า น.57,6)

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6.5, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6.5, จอห์น เทอร์รี่ 7, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 7, แอชลี่ย์ โคล 7.5(เปาโล แฟร์ไรร่า น.72,7) , ไมเคิ่ล เอสเซียง 7.5, จอห์น โอบี มิเกล 5 , แฟร้งค์ แลมพาร์ด 5.5, โจ โคล 6(เดโก้ น.68,6) , นิโกล่าส์ อเนลก้า 7.5, *ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 8(ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.87)














































_________________
##### ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล อ่าน SoccerSuck #####
Custom Search

ข่าว Hot!!!